รัชกาลที่ ๕๕ มหาจักรพรรดิพ่อพระยาโชดึก กรุงละโว้ ปี พ.ศ.๑๘๘๗-๑๘๘๙๐

 

 

 

 

 

 

 

 

รัชกาลที่ ๕๕ 

มหาจักรพรรดิพ่อพระยาโชดึก 

กรุงละโว้ ปี พ.ศ.๑๘๘๗-๑๘๘๙๐

 

ปี พ.ศ.๑๘๘๗ เมื่อ มหาจักรพรรดิพ่อไสสงครามณรงค์ เสด็จสวรรคต จักรพรรดิพ่อพระยาโชดึก กรุงละโว้ จึงได้ทำพิธีมหาไชยาบรมราชาภิเษก ขึ้นครองราชย์สมบัติ เป็น มหาจักรพรรดิพ่อพระยาโชดึก กรุงละโว้ โดยมี นายกพระยาเชษฐาธิราช เป็น จักรพรรดิพ่อพระยาเชษฐาธิราช ว่าราชการที่ กรุงศรีอยุธยา และมี มหาราชาพระยาอู่ทอง เป็น นายกพระยาอู่ทอง ว่าราชการอยู่ที่ กรุงละโว้ ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กรุงละโว้ เป็นรัชกาลที่ ๕๕

ปี พ.ศ.๑๘๘๗ มหาอุปราชฤทธิ์เทวา(แจ๊ะสุดหรา) ของ อาณาจักรมาลัยรัฐ กรุงปัตตานี ทำพิธีมหาไชยาบรมราชาภิเษก ขึ้นครองราชย์สมบัติ เป็น มหาราชาพระยาฤทธิ์เทวา ปกครอง อาณาจักรมาลัยรัฐ กรุงปัตตานี ในรัชกาลถัดมา

ปี พ.ศ.๑๘๘๘ พระนิรวาณบท แห่ง อาณาจักรกำพูชา(เขมร-โจฬะ) ส่งกองทัพจาก กรุงจตุรพักตร์(พนมเปญ) เข้ายึดครอง อาณาจักรคามลังกา(ขอม-โจฬะ) ซึ่งปกครองโดย พระเจ้าชัยวรรมาทิปรเมศวร (พ.ศ.๑๘๗๐-๑๘๘๙) ผลของสงคราม ได้ปิดล้อม นครวัด ประมาณ ๑ ปี สามารถยึดครอง ราชอาณาจักรคามลังกา(ขอม-โจฬะ) กรุงนครวัด เป็นผลสำเร็จเมื่อปี พ.ศ.๑๘๘๙

ปี พ.ศ.๑๘๘๘ ราชทูต ของ สุลต่าน แห่ง มหาอาณาจักรอินเดีย กรุงเดลฮี ชื่อ อิเบนบาตูตา ได้เดินทางจาก ประเทศอินเดีย ไปสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต กับ ฮ่องเต้ซุ่นตี้(พ.ศ.๑๘๗๖-๑๙๑๑) ราชวงศ์หงวน แห่ง มหาอาณาจักรจีน กรุงปักกิ่ง โดยได้เดินทางผ่าน อาณาจักรทมิฬอาแจ๊ะ เกาะสุมาตรา ได้บันทึกถึง สภาพของ อาณาจักรทมิฬอาแจ๊ะ ว่า...

...สุลต่าน ของ อาณาจักรทมิฬอาแจ๊ะ นับถือศาสนาอิสลาม นิกายชาฟิต อาณาจักรของสุลต่าน ล้อมรอบไปด้วยพวกนอกศาสนา พระองค์ต้องทรงทำสงครามบ่อยครั้ง กับ พวกนอกศาสนา...ประชาชน ของ พระองค์ นับถือศาสนาอิสลาม นิกายชาฟิต เช่นเดียวกัน พวกเขา ชอบที่จะต่อสู้กับ พวกนอกศาสนา และเดินทัพไปกับ สุลต่าน ของ พวกเขา อย่างเต็มใจ พวกเขาสามารถทำสงครามรบพุ่ง กับ แว่นแคว้นต่างๆ ของ พวกนอกศาสนา ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงด้วย ขณะนั้น อาณาจักรทมิฬอาแจ๊ะ ได้ส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้กับ อินเดีย ด้วย เพราะพวกเขาต้องการสันติภาพ...

(จาก ประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ ถึง พ.ศ.๒๐๐๐ โดย ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล หน้าที่ ๗๖-๗๗)

ปี พ.ศ.๑๘๘๘ เครื่องวัดไม้ฟุต ของ ฝรั่งชาติตะวันตก ถูกนำมาใช้ในดินแดน ของ มหาอาณาจักรจีน เป็นครั้งแรก

(คาร์ริงตัน กู๊ดริช ประวัติศาสตร์จีน สำนักพิมพ์เคล็ดไทย หน้าที่ ๑๖๕)

ปี พ.ศ.๑๘๘๙ มหาจักรพรรดิพ่อพระยาโชดึก แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กรุงละโว้ ส่งพระราชโอรส ๒ พระองค์ คือ เจ้าไส้ และ เจ้าเทวดา ไปเป็นราชทูต เดินทางไปเจรจากับ พระนิรวาณบท แห่ง อาณาจักรคามลังกา(ขอม-โจฬะ) ราชวงศ์ทมิฬโจฬะ เพื่อขอให้ อาณาจักรคามลังกา ยอมสวามิภักดิ์ ต่อ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กรุงละโว้ โดยดี แต่ เจ้าชายทั้ง ๒ พระองค์ ถูกจับฆ่าตาย ทั้ง ๒ พระองค์

ปี พ.ศ.๑๘๙๐ มหาราชาเจ้าเสือข่านฟ้า แห่ง อาณาจักรโกสมพี กรุงแสนหวี ส่งกองทัพเข้ายึดครองหัวเมืองต่างๆ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของ อาณาจักรโกสมพี จำนวน ๔ หัวเมือง กลับคืน ต่อมา ผู้สำเร็จราชการมณฑลยูนนาน ชื่อโพธิ์หลวง ได้ยกกองทัพไปป้องกัน สามารถตีโต้กองทัพ ของ มหาราชาเจ้าเสือข่านฟ้า จนต้องถอยทัพกลับไปชั่วคราว แต่ต่อมา มหาราชาเจ้าเสือข่านฟ้า ได้ยกกองทัพเข้าทำสงครามต่อสู้กับ กองทัพของ มหาอาณาจักรจีน เป็นเหตุให้สงครามยืดเยื้อไป ๔ ปี มหาอาณาจักรจีน ต้องเปลี่ยนแม่ทัพ ๒ คน แต่ยังไม่สามารถทำสงครามปราบปราม มหาราชาเจ้าเสือข่านฟ้า สำเร็จ ฮ่องเต้กุบไลข่าน ต้องใช้วิธีการเกลี้ยกล่อม มหาราชาเจ้าเสือข่านฟ้า แทนที่

(สมพงศ์ วิทยศักดิ์พันธุ์ ประวัติศาสตร์ไทยใหญ่ หน้าที่ ๑๓๗-๑๓๘)

ปี พ.ศ.๑๘๙๐ พระเจ้าถินขบะ(พ.ศ.๑๘๙๐- หรือ พระเจ้าถิ่นชบา ราชวงศ์ทมิฬอาแจ๊ะ นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่ยอมเข้ารีตนับถือศาสนาอิสลาม ในดินแดนของ เกาะสุมาตรา ให้กำเนิด ประเทศพม่า กรุงตองอู ขึ้นมาแทนที่ อาณาจักรศรีชาติตาลู ของ ชนชาติไทย-ทิเบต

(จาก ประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ ถึง พ.ศ.๒๐๐๐ โดย ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล หน้าที่ ๑๑๗)

ปี พ.ศ.๑๘๙๐ พระยาลิไทย ส่งกองทัพเข้ายึดครอง เมืองแพร่(เมืองแพล) เป็นผลสำเร็จ และประทับอยู่ที่ เมืองแพร่ ๗ เดือน

(สวัสวดี อ๋องสกุล ประวัติศาสตร์ล้านนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๙ หน้าที่ ๘๓)

ปี พ.ศ.๑๘๙๐ เกิดอหิวาตกโรค ระบาดที่ เมืองอู่ทอง สุพรรณบุรี เนื่องจากสงคราม

 

ปี พ.ศ.๑๘๙๐ มหาจักรพรรดิพ่อพระยาโชดึก แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กรุงละโว้ ส่งกองทัพเข้าทำสงครามยึดครอง อาณาจักรกำพูชา(เขมร) กลับคืน ผลของสงคราม มหาจักรพรรดิพ่อพระยาโชดึก สวรรคต ในสงคราม เป็นเหตุให้ อาณาจักรกำพูชา(เขมร-โจฬะ) ยกกองทัพเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา ผลของสงคราม กรุงศรีอยุธยาแตก จักรพรรดิพระเชษฐาธิราช(พระอินทราชา) ต้องถอยทัพไปยัง เมืองสุพรรณบุรี เพื่อใช้เป็น ราชธานี ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ ด้วย  

Visitors: 54,361