รัชกาลที่ ๑๒ มหาจักรพรรดิพ่อกิติ(กุณลนพ) กรุงศรีโพธิ์ ปี พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒

 

 

 

 

 

 

 

 

รัชกาลที่ ๑๒

มหาจักรพรรดิพ่อกิติ(กุณลนพ)

กรุงศรีโพธิ์ ปี พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒ 

 

-ในรัชกาลที่ ๑๒-๑๓ มีกษัตริย์ครองราชสมบัติ ๒ พระองค์พร้อมกัน คือมหาจักรพรรดิพ่อกิติ(กุณลนพ) และมหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร จึงใช้เนื้อหาสาระเดียวกัน

 

ปี พ.ศ.๑๓๙๔ เมื่อ มหาจักรพรรดิพ่อกิติ(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงปัตตานี สามารถยกกองทัพจาก กรุงปัตตานี แคว้นโพธิ์กลิงค์ เข้าทำสงครามยึดครอง กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) กลับคืน เป็นผลสำเร็จ แล้วนั้น มหาจักรพรรดิพ่อกิติ จึงประกาศใช้ กรุงศรีโพธิ์ เป็น เมืองนครหลวง ของ สหราชอาณาจักรเสียม อีกครั้งหนึ่ง โดยมี จักรพรรดิพ่อคุณอรรณพ เป็น จักรพรรดิ ว่าราชการอยู่ที่ กรุงปัตตานี และมี นายกพ่อศรีชวา เป็น นายก ว่าราชการอยู่ที่ นครศรีธรรมราช แคว้นตาม้าพรกลิงค์ เป็นรัชกาลที่ ๑๒ แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) และพยายามทำสงครามปราบปราม มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร มิให้ทำการก่อกบฏ อีกต่อไป

      ปี พ.ศ.๑๓๙๔ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงกะฑะราม(ไทรบุรี) ซึ่งสามารถหลบหนี จาก กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) ไปยัง แคว้นพังงา ได้รวบรวมไพร่พล จากแคว้นพังงา และ แว่นแคว้นใกล้เคียง ของ อาณาจักรเสียม(ชวาภูมิ) ส่งกองทัพเข้าทำสงครามยึดครอง กรุงกะฑาหะ แคว้นไทรบุรี เป็นผลสำเร็จ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) จึงประกาศใช้ กรุงกะฑาหะ(กระทะราม) แคว้นไทรบุรี เป็นที่ตั้งศูนย์กลางอำนาจรัฐของ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงกะฑาหะ(กระทะราม) โดยมี จักรพรรดิพ่อศรีพาลกลาง เป็น จักรพรรดิ ว่าราชการอยู่ที่ แคว้นพังงา และมี นายกพ่อศรีพาลเล็ก เป็น นายก ว่าราชการอยู่ที่ กรุงกะฑาหะ แคว้นไทรบุรี เป็นรัชกาลที่ ๑๓ ตามที่กล่าวมาแล้ว

ปี พ.ศ.๑๓๙๔ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) ในขณะนั้น แตกเป็น ๓ ก๊ก คือ ก๊กมหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร แห่ง กรุงกะฑาหะ , ก๊กมหาจักรพรรดิพ่อกิติ แห่ง กรุงศรีโพธิ์ และ ก๊กมหาราชากะยุวะนิ แห่ง กรุงม้าตาราม เกาะชวา ซึ่งนับถือศาสนาพราหมณ์ แสดงให้เห็นว่า ฮ่องเต้ แห่ง มหาอาณาจักรจีน ประสบความสำเร็จในการใช้นโยบายแยกสลายแล้วปกครอง มาใช้กับ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) อย่างได้ผล

      ปี พ.ศ.๑๓๙๕ ก๊กมหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) แห่ง กรุงกะฑาหะ และ ก๊กมหาจักรพรรดิพ่อกิติ(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) แห่ง กรุงศรีโพธิ์ พยายามส่งคณะราชทูต ไปเจรจากับแว่นแคว้นต่างๆ ของ ชนชาติอ้ายไต ให้ยอมขึ้นต่อการปกครอง ของ ตนเอง แว่นแคว้น หรือ อาณาจักร ใดๆ ที่ไม่ยอมอ่อนน้อม โดยดี ต่างฝ่าย ต่างส่งกองทัพเข้าทำสงครามยึดครอง ประชาชนในดินแดนสุวรรณภูมิ จึงเต็มไปด้วยความเดือดร้อน เกิดข้าวยากหมากแพง บ้านเมือง มีโจรผู้ร้าย ชุกชุม

ปี พ.ศ.๑๓๙๕ อาณาจักรต่างๆ ของ สหราชอาณาจักรเสียม กลับหันหลัง มาอยู่ภายใต้การปกครอง ของ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์ ของ มหาจักรพรรดิพ่อกิติ(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) ซึ่งประกอบด้วย อาณาจักรเสียม(ชวาภูมิ) , อาณาจักรละโว้ , อาณาจักรคามลังกา , อาณาจักรโจฬะบก(เขมร) , อาณาจักรหลินยี่(เวียตนามเหนือ) , อาณาจักรอ้ายลาว , อาณาจักรยวนโยนก(เชียงแสน) , อาณาจักรหิรัญภุญชัย , อาณาจักรศรีพิง(ฝาง) , อาณาจักรโกสมพี(แสนหวี) , อาณาจักรศรีชาติตาลู , อาณาจักรหงสาวดี(พะโค) , อาณาจักรโพธิ์กลิงค์บัง(ปาเล็มบัง) , อาณาจักรตาโกลก(ฟิลิปินส์) และ อาณาจักรมาลัยรัฐ

ปี พ.ศ.๑๓๙๕ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงกะฑาหะ ซึ่งปกครองโดย มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) คงเหลือเขตการปกครอง เพียงเล็กน้อย ในดินแดน ของ อาณาจักรมาลัยรัฐ เป็นเหตุให้ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร พยายามทำสงครามช่วงชิง แว่นแคว้นต่างๆ ในดินแดน อาณาจักรมาลัยรัฐ ไปครอบครอง เป็นเหตุให้ จักรพรรดิพ่อคุณอรรณพ แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์ ซึ่งว่าราชการอยู่ที่ กรุงปัตตานี ต้องทำสงคราม กับ กองทัพของ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร ระหว่างปี พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๐ อย่างต่อเนื่อง เมือง และ แว่นแคว้นต่างๆ ทางชายฝั่งทะเลกันตาพาน(อันดามัน) ตกไปอยู่ภายใต้การปกครอง ของ มหาจักรพรรดิ พ่อศรีพาลบุตร ส่วน แว่นแคว้นต่างๆ ของ อาณาจักรมาลัยรัฐทางชายฝั่งทะเลตะวันออก(อ่าวไทย) ตกอยู่ภายใต้การปกครอง ของ จักรพรรดิพ่อคุณอรรณนพ แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) 

ปี พ.ศ.๑๓๙๕ มหาจักรพรรดิ กะยุวะนิ แห่ง สหราชอาณาจักรม้าตาราม กรุงม้าตาราม เกาะชวา ได้ประกาศตั้ง สหราชอาณาจักรม้าตาราม ประกอบด้วย ๕ อาณาจักร คือ อาณาจักรม้าตาราม , อาณาจักรบาลี , อาณาจักรกาลี้(บอร์เนียวตะวันออก) , อาณาจักรโจฬะน้ำ(บอร์เนียว-ตะวันตก) และ อาณาจักรจามปา(เวียตนามใต้) ได้พยายามขยายอิทธิพล เข้ายึดครอง อาณาจักรโจฬะบก(เขมร) และ อาณาจักรหลินยี่(เวียตนามเหนือ) ซึ่งเป็นดินแดนภายใต้การปกครอง ของ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) ด้วย

ปี พ.ศ.๑๓๙๙ พระเจ้าโลกบาล แห่ง อาณาจักรม้าตาราม เกาะชวา ได้เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ อาณาจักรม้าตาราม

ปี พ.ศ.๑๔๐๐-๑๔๕๐ จดหมายเหตุจีน ได้บันทึกถึง ชัยชนะ ของ ประเทศกัมพูชาว่า...

...ชายแดน ของ ประเทศกัมพูชา มีการต่อเรือสำเภา ใบสีขาว เป็นจำนวนนับ พันๆ ลำ...

(จาก ประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ ถึง พ.ศ.๒๐๐๐ โดย ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล หน้าที่ ๑๗๕)

ปี พ.ศ.๑๔๐๑ เนื่องจากการทำสงครามแย่งยึดดินแดน อาณาจักรมาลัยรัฐ ระหว่างสองฝ่าย ไม่เป็นผล เป็นเหตุให้ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) ใช้วิธี ส่งทหาร ปลอมตัวเป็นสามัญชน ไปขุดหาทองคำ ที่เมืองศรีพุทธิ(ครหิต) เพื่อก่อการลุกฮือ เตรียมทำสงครามยึดครอง กรุงศรีโพธิ์ กลับคืน อีกครั้งหนึ่ง โดยการก่อสงครามขึ้นหลายจุด ในดินแดนต่างๆ ของ สหราชอาณาจักรเสียม เพื่อดึงกำลังของ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์ ออกมาจากเมืองนครหลวง

ปี พ.ศ.๑๔๐๑-๑๔๐๒ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงกะฑาหะ ได้ก่อสงครามขึ้น ๓ สมรภูมิใหญ่ คือ ที่สมรภูมิ แคว้นม้าละกา(มะละกา) สมรภูมิ กรุงปัตตานี แคว้นโพธิ์กลิงค์ และ แคว้นพังงา เพื่อดึงกำลังของ มหาจักรพรรดิ พ่อกิติ(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์ ออกมาจากเมืองนครหลวง กรุงศรีโพธิ์ พร้อมกับการก่อการจลาจลขึ้นมาใน กรุงศรีโพธิ์ ด้วย

ปี พ.ศ.๑๔๐๒ ฮ่องเต้เสียนจง(พ.ศ.๑๓๘๙-๑๔๐๒) ราชวงศ์ถัง แห่ง มหาอาณาจักรจีน สวรรคต เป็นเหตุให้ หลี่ชุย เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติ มีพระนามว่า ฮ่องเต้อี้จง(พ.ศ.๑๔๐๒-๑๔๑๖) ราชวงศ์ถัง แห่ง มหาอาณาจักรจีน กรุงลั่วหยาง เป็นรัชกาลถัดมา

 (ทวีป วรดิลก สำนักพิมพ์สุขภาพใจ พ.ศ.๒๕๓๘ ประวัติศาสตร์จีน หน้าที่ ๓๒๖)

ปี พ.ศ.๑๔๐๒ ในขณะที่เกิดจลาจลที่ กรุงศรีโพธิ์ นั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ กองทัพของ จักรพรรดิพ่อคุณอรรณพ แห่ง กรุงปัตตานี ได้ถือโอกาสทำสงครามเผด็จศึก มหาจักรพรรดิ พ่อศรีพาลบุตร แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงกะฑาหะ โดยระดมกองทัพ ยกกองทัพเข้าโจมตีกองทัพ ของ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร ณ สมรภูมิ แคว้นกันตัง(ตาโกลา) และ แคว้นไทรบุรี เพื่อนำ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร มาสำเร็จโทษ แต่ ผลของสงคราม มิได้เป็นไปตามแผนที่กำหนด

ปี พ.ศ.๑๔๐๒ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) ยอมเสีย กรุงกันตัง และ กรุงกะฑาหะ โดยยกกองทัพเข้ายึดครอง แคว้นพังงา และแคว้นร่ำนอง แทนที่ และในขณะที่เกิดจลาจล ใน กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) นั้น มหาจักรพรรดิพ่อกิติ ถูกลวงให้ต้องส่งกำลังทหาร ซึ่งรักษา กรุงศรีโพธิ์ เข้าปราบปราม การจลาจุล ที่เมืองศรีพุทธิ(คันธุลี) ทำให้ ทหารรักษา พระราชวังหลวง และ เมืองนครหลวง น้อยลง กลุ่มก่อการจลาจุล ถือโอกาส จับเชื้อสายราชวงศ์ ของ มหาจักรพรรดิพ่อกิติ และ ลูกเมียนายทหาร เป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองกับ มหาจักรพรรดิพ่อกิติ มิให้ต่อสู้

ปี พ.ศ.๑๔๐๒ เมื่อกองทัพของ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) สามารถส่งกองทัพ เดินทางบก เข้าสู่ กรุงศรีโพธิ์ เป็นผลสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ.๑๔๐๒ นั้น มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร สามารถส่งกองทัพเข้ายึดครอง กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) อันเป็น เมืองมหาจักรพรรดิ หรือ เมืองนครหลวง ของ สหราชอาณาจักรเสียม เป็นผลสำเร็จ อีกครั้งหนึ่ง สงครามครั้งนั้น มหาจักรพรรดิพ่อกิติ และ นายทหาร ยอมจำนน เพื่อให้ปล่อยตัวประกัน ในที่สุด มหาจักรพรรดิพ่อกิตติ(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) ยอมให้ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร จับกุม และถูกนำไปสำเร็จโทษ สวรรคต ในเหตุจลาจุล ครั้งนั้น

      ปี พ.ศ.๑๔๐๒ เหตุการณ์ที่ อาณาจักรมาลัยรัฐ นั้น จักรพรรดิพ่อคุณอรรณพ สามารถทำสงครามยึดครอง อาณาจักรมาลัยรัฐ กลับคืน เป็นผลสำเร็จ พร้อมๆ กับ ต้องเสีย กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) ให้กับ มหาจักรพรรดิพ่อศรีพาลบุตร ไปครอบครอง แทนที่ เป็นที่มาให้ จักรพรรดิพ่อคุณอรรณพ ต้องใช้ กรุงปัตตานี แคว้นโพธิ์กลิงค์ เป็นที่ตั้งศูนย์กลางอำนาจรัฐ ของ สหราชอาณาจักรเสียม กรุงปัตตานี อีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.๑๔๐๒ เป็นต้นมา

 

ปี พ.ศ.๑๔๐๒ หลักฐานของ ประเทศศรีลังกา กล่าวว่า มหาจักรพรรดิพ่อกิตติ(พ.ศ.๑๓๙๔-๑๔๐๒) แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงศรีโพธิ์(ไชยา) เสด็จสวรรคต และ พระราชโอรสมีพระนามว่า จักรพรรดิพ่อคุณอรรณพ ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็น มหาจักรพรรดิพ่อคุณอรรณพ แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม กรุงปัตตานี เมื่อปี พ..๑๔๐๒ สหราชอาณาจักรเสียม ยังคงแตกออกเป็น ๓ ก๊ก ดังเดิม

Visitors: 54,286