บทที่ ๑๐ จตุคามรามเทพ ในภพชาติ ของ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

                       บทที่ ๑๓

จตุคามรามเทพ ในภพชาติ ของ

 พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

 

                ในรัชสมัย ของ มหาจักรพรรดิพ่อศรีสุระนารายณ์ คือเหตุการณ์เมื่อปี พ.ศ.๑๗๕๔ กองทัพของ จักรพรรดิแจงกิสข่าน ร่วมกับ กองทัพของ อาณาจักรกลิงค์รัฐ(โอริสา) , อาณาจักรทมิฬโจฬะ อินเดียใต้ , อาณาจักรม้าตาราม เกาะชวา , อาณาจักรกำพูชา(เขมร) , อาณาจักรโจฬะน้ำ(บอร์เนียว) และ อาณาจักรจามปา(เวียตนามใต้) ได้ร่วมกันยกกองทัพ เข้าโจมตี อาณาจักรต่างๆ ภายใต้การปกครอง ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ เช่น อาณาจักรโพธิ์กลิงค์บัง(เกาะสุมาตรา) , อาณาจักรมาลัยรัฐ(มาลายู) และ อาณาจักรเสียม(ภาคใต้ตอนบน) ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กรุงสานโพธิ์ (ไชยา) เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด สงครามยืดเยื้อ เป็นเวลา ๒ ปี กองทัพ จักรพรรดิแจงกิสข่าน ไม่สามารถเผด็จศึกได้

      จนกระทั่งปี พ.ศ.๑๗๕๕ กองทัพมองโกล ของ จักรพรรดิแจงกิสข่าน(เตมูจิน) แห่ง มหาอาณาจักรมองโกล ซึ่งได้เทคโนโลยี การผลิต อาวุธปืนไฟ และ ระเบิด จาก อาณาจักรจุรเชน(บริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง) ได้ส่งกองทัพเข้าทำสงคราม ยึดครองดินแดน มหาอาณาจักรจีน สามารถส่งกองทัพเข้าไปถึง ราชธานี กรุงปักกิ่ง ของ มหาอาณาจักรจีน ผลของสงคราม กองทัพ ของ จักรพรรดิแจงกิสข่าน(เตมูจิน) ใช้ อาวุธระเบิด ระเบิดทำลายกำแพงเมืองปักกิ่ง เป็นผลสำเร็จ สามารถยึดครอง ราชธานีกรุงปักกิ่ง ของ มหาอาณาจักรจีน เป็นผลสำเร็จ ส่วนฮ่องเต้ สามารถหลบหนีไปยัง เมืองไคเฟิง ได้ พลเมืองชาวจีน ถูกจับเป็นเชลยศึก เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น กองทัพของ จักรพรรดิแจงกิสข่าน จึงเริ่มนำ อาวุธปืนนกสับ ปืนใหญ่ และ ระเบิด มาใช้ในการทำสงคราม กับ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ ซึ่งยังคงใช้อาวุธดาบ ธนู มาใช้ในการทำสงคราม สภาพของสงครามจึงเปลี่ยนแปลงไป

      หลังจากที่ กองทัพของจักรพรรดิแจงกิสข่าน สามารถยึดครอง ราชธานี กรุงปักกิ่ง ของ มหาอาณาจักรจีน ได้เรียบร้อยแล้ว ในปี พ.ศ.๑๗๕๕  กองทัพของ จักรพรรดิแจงกิสข่าน(เตมูจิน) แห่ง มหาอาณาจักรมองโกล และ พันธมิตร ได้ส่งกองทัพเข้าทำสงครามกับ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ อีกครั้งหนึ่ง กองทัพแจงกิสข่าน สามารถทำสงครามยึดครองดินแดน แว่นแคว้นต่างๆ ของ อาณาจักรโพธิ์กลิงค์บัง(ปาเล็มบัง) ในพื้นที่ เกาะสุมาตราตะวันตก เป็นผลสำเร็จ กำเนิด อาณาจักรทมิฬอาแจ๊ะ ขึ้นมาทางทิศตะวันตก ของ เกาะสุมาตรา อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับการเข้ามา ของ ศาสนาอิสลาม จนกระทั่งปี พ.ศ.๑๗๕๖ แจงกิสข่าน ได้ส่งกองทัพเข้าโจมตีราชธานี กรุงสานโพธิ์(ไชยา) ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กองทัพเรือทั้งสองปะทะกันในทะเลกลางอ่าวบ้านดอน ผลของสงคราม มหาจักรพรรดิพ่อศรีสุรนารายณ์ เสด็จสวรรคต ในสงคราม กลางทะเล อ่าวบ้านดอน

ในรัชสมัย ของ มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ(พ.ศ.๑๗๕๘-๑๗๗๘) แห่ง สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กรุงสานโพธิ์(ไชยา) จักรพรรดิแจงกิสข่าน ร่วมกับ มหาอาณาจักรโจฬะ อินเดียใต้ ร่วมกันยกกองทัพเข้าโจมตี กรุงสานโพธิ์(ไชยา) ราชธานี ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ เมื่อปี พ.ศ.๑๗๕๘ อีกครั้งหนึ่ง กองทัพของ แจงกิสข่าน และ กองทัพของ มหาอาณาจักรทมิฬโจฬะ สามารถส่งกองทัพเข้ายึดครอง กรุงสานโพธิ์ (ไชยา) ราชธานี ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ เป็นผลสำเร็จ เป็นเหตุให้ มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ ต้องลี้ภัยสงครามไปยัง เกาะศรีลังกา(ปี พ.ศ.๑๗๕๘-๑๗๗๙) โดยได้ไปปกครอง แคว้นราชารัฐ ทางภาคใต้ ของ เกาะศรีลังกา เพื่อใช้เกาะศรีลังกา เป็นฐานที่มั่นทำสงครามยึดครองอาณาจักรต่างๆ ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กลับคืน และต่อมา มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ ได้เสด็จกลับมาปกครองอยู่ที่ กรุงสานโพธิ์(ไชยา) อีกครั้งหนึ่ง

ในช่วงเวลาดังกล่าว กองทัพทมิฬโจฬะ จาก อาณาจักรกำพูชา(เขมร) ได้ส่งกองทัพเข้ายึดครอง อาณาจักรละโว้ ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ เป็นผลสำเร็จ เนื่องจาก ถูก ขุนหลวงนรนัย ทำการก่อกบฏ ส่งข่าวให้ข้าศึก เข้ายึดครอง เมืองละโว้ ราชธานี ของ อาณาจักรละโว้ เป็นของ ราชวงศ์ทมิฬโจฬะ ของ อาณาจักรกำพูชา(เขมร) โดยนำกองทัพ ของ อาณาจักรกำพูชา(เขมร) เข้ามาทำสงครามยึดครอง สหราชอาณาจักรละโว้ เป็นเหตุให้ เชื้อสายพวกราชวงศ์เจ้าอ้ายไต ของ อาณาจักรละโว้ ต้องหลบหนีไปตั้งราชธานีใหม่ อยู่ที่ เมืองสุพรรณบุรี เป็นเหตุให้ พระร่วง เจ้าเมืองปกครอง แคว้นพังงา พระราชโอรสพระองค์หนึ่ง ของ มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ ต้องส่งกองทัพเข้าทำสงครามยึดครอง อาณาจักรละโว้ กลับคืน ในเวลาต่อมา

สงครามรุกราน ของ จักรพรรดิแจงกิสข่าน ต่อเนื่องมาถึงปี พ.ศ.๑๗๖๖ จักรพรรดิแจงกิสข่าน(เตมูจิน) แห่ง มหาอาณาจักรมองโกล ได้ส่งกองทัพมุสลิม ของ แม่ทัพแซยิด อาแจ๊ะ(พ.ศ.๑๗๕๓-๑๘๒๒) แห่ง อาณาจักรทมิฬอาแจ๊ะ เกาะสุมาตรา เข้าทำสงคราม กับ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ กรุงสานโพธิ์(ไชยา) สามารถยึดครอง ราชธานี กรุงสานโพธิ์ (ไชยา) เป็นผลสำเร็จ มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ สามารถหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่ แคว้นพังงา ประชาชนต้องทำสงครามกองโจร ขับไล่ กองทัพของ แจงกิสข่าน ออกไป ในเวลาต่อมา ในที่สุด มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ ต้องหลบหนีไปยัง ภาคใต้ ของ เกาะศรีลังกา อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับได้นัดหมายให้ เจ้าชายจันทร์ภาณุ ยกกองทัพเข้ายึดครอง อาณาจักรศรีลังกา กลับคืนเมื่อปี พ.ศ.๑๗๗๘ ผลของสงคราม มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ สวรรคต ในสงคราม เจ้าชายจันทร์ภาณุ จึงนำพระพุทธสิหิงส์ กลับคืนมายัง เมืองนครศรีธรรมราช ด้วย 

เมื่อ มหาจักรพรรดิพ่อมาฆะ สวรรคต ในสงคราม มหาจักรพรรดิพ่อปรัมพัฒนา ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติเป็น มหาจักรพรรดิ ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ และใช้ กรุงครหิต(คันธุลี) เป็นราชธานี ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ มหาจักรพรรดิพ่อปรัมพัฒนา จึงได้เสด็จไปยัง เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ.๑๑๗๘ ในปีดังกล่าว จึงมีการทำพิธีพระราชทานพระนามใหม่ให้กับ เทพราม ว่า จตุคามรามเทพ ต่อหน้าเทวรูปพระพุทธสิหิงส์ พร้อมกับขอเชิญให้ดวงวิญญาณ ของ จตุคามรามเทพ มาประสูติเป็นภพที่ ๔ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้มาช่วยทำสงครามกอบกู้ ดินแดนสุวรรณภูมิ กลับคืน คือที่มาของความเชื่อที่ว่า จตุคามรามเทพ มาประสูติในภพชาติใหม่ เป็น ขุนรามราช(พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) พระราชโอรส ของ พระยาร่วง อีกภพชาติหนึ่ง นั่นเอง เรื่องราว ของ เทพราม จึงเกิดขึ้นอีกในช่วงเวลาดังกล่าว ในพระนามใหม่ว่า จตุคามรามเทพ เพื่อให้ประสูติมาอีกภพชาติหนึ่ง เพื่อช่วยทำสงครามกู้ชาติ นั่นเอง

ปี พ.ศ.๑๗๙๙ มหาจักรพรรดิพ่อพระยาร่วงโรจน์ราช(พ่อขุนศรีอินทราทิตย์) เสด็จมายังเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงส์ กลับคืน กรุงสุโขทัย เพื่อใช้ กรุงสุโขทัย เป็น ราชธานี ของ สหราชอาณาจักรเสียม-หลอ เข้าใจว่า จตุคามรามเทพ ได้มาประสูติมาอีกภพชาติหนึ่ง เป็น เจ้าชายรามราช หรือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ในปีนี้ เพื่อมาช่วยทำสงครามกอบกู้ดินแดนสุวรรณภูมิ กลับคืน อีกครั้งหนึ่ง 

Visitors: 54,439