ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย ก่อน สุโขทัย
ยินดีต้อนรับทุกท่านที่สนใจประวัติศาสตร์แนวย้อนยุค เข้าสู่เว็บไซต์อุษาคเนย์นิว ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย ก่อน สุโขทัย
หลายๆท่านคงสงสัยเหมือนกันว่า ทำไม องค์พ่อจตุคามรามเทพ จึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับ
ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยได้อย่างไร? ผมเชื่อว่าคนในสังคมไทยในยุคจตุคามรามเทพ เฟื่อง
ฟู เกือบ ๑๐๐%รวมทั้งตัวกระผมเอง ไม่รู้เรื่องราวประวัติความเป็นมาของจตุคามรามเทพ สังคม
ไทยรับรู้แต่เพียงว่าเป็นเทพรักษาเมือง(พระเสื้อเมือง) นครศรีธรรมราชและเคยเป็นกษัตริย์นักรบ
ที่มีความกล้าหาญ เก่งกล้าสามารถมากๆมีความรักหวงผืนแผ่นดินอยู่เสมอ มีความศักดิ์สิทธิ์ผ่าน
ทางวัตถุมงคลในหลากหลายรูปแบบ จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมอยากรู้ตัวตนของ จตุคาม
รามเทพ แต่ต้องรอคอยมาร่วม ๑๐ ปี เพิ่งมากระจ่างเอาตอนเมื่อได้เข้าทำไปแสดงความเคารพ
ท่านอาจารย์เสนีย์อนุชิต ถาวรเศรษฐ ที่ไชยา จ.สุราษฎร์ธานีในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เมื่อมีเหตุปัจจัย ก็เกิดผลแห่งปัจจัย ที่ผ่านมาเราเรียนรู้ผลแห่งประวัติศาสตร์ หรือที่ไป แต่
เราไม่รู้ที่มา ของแต่ละเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นมา และบางเหตุการณ์ก็ไปต่อไม่ได้
คติความเชื่อ ความศรัทธาของคนโบราณในอดีตกาลนานโพ้น หลอมรวมแล้วส่งผ่านทาง
ศิลปะวัฒนธรรม พิธีกรรมกลายเป็นวิถีชีวิตของคนในเอเชียอาคเนย์จนถึงปัจจุบัน
หนึ่งในความเชื่อที่สำคัญมากคือ ความเชื่อและศรัทธาในพระกฤษณะของชนชั้นสูงที่ส่ง
ผ่านสู่ประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดลัทธิบูชาพระกฤษณะเมื่อหนึ่งพันปีก่อนพ.ศ. ชนชั้นสูงของ
อาณาจักรสุวรรณภูมิ(เกาะสุวรรณภูมิและดินแดนสุวรรณภูมิ)และนับถือกันเรื่อยมาโดยเฉพาะ
พื้นที่ภาคใต้และเป็นพื้นที่ที่ศาสนาพุทธเผยแพร่ได้ช้ามาก พระกฤษณะเป็นทั้งกษัตริย์และเทพ
ที่มาเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทยในยุคนั้นด้วย
ภาพลายเส้น จำลองพระราม หรือ กฤษณะ ในรูปแบบตัวหนังตลุง
ด้วยความเชื่อและศรัทธา ถูกถ่ายทอดมารุ่นสู่รุ่น เคารพบูชาในรูปแบบหนังตลุง(บทไหว้ครู
ของหนังตลุงโบราณ กล่าวถึงพระกฤษณะและพระพุทธเจ้า) สิ่งก่อสร้าง ปราสาทหินพนมรุ้งที่
ถ่ายทอดเรื่องราวของพระกฤษณะในอิริยาบทต่างๆ ส่งผลให้กษัตริย์องค์สำคัญในดินแดน
สุวรรณภูมิ ได้รับการเคารพเฉกเช่นพระกฤษณะเช่น มีการสร้างปราทหินเขาพระวิหาร สลัก พระ
กรณีกิจของพระมหากษัตริย์ มหาจักรพรรดิท้าวกู สหราชอาณาจักรเทียน มหาจักรพรรดิท้าวศรี
โพธิ์นเรนทร กรุงคันธุลี สหราชอาณาจักรคีรีรัฐ
นอกจากนี้ในสังคมยุคนั้น ยังมีความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณของ พระนารายณ์ว่ามีสองภาค
คือภาคคุณธรรมและภาคนักรบซึ่งในครั้งแรกได้อวตาล มาเป็นพระราม ในเรื่องรามเกียรติ อวตาล
ครั้งที่ ๒ มาเป็นพระกฤษณะในมหากาพย์รามยณะ อวตาลครั้งที่ ๓ มาเป็นเจ้าชายสิทธัต
ถะ(พระพุทธเจ้า สมณะโคดม) และครั้งที่ ๔ อวตาลมาเป็นนักรบ ชื่อขุนราม เป็นพระราชโอรส
ของมหาจักรพรรดิท้าวอู่ทอง(พญาพาน) ซึ่งได้มากู้ชาติไทยจากกลิงค์มอญในสงครามแย่งแม่
นางอั่วคำ สงครามแย่งม้า สงครามทุ่งไหหิน สงครามแย่งชิงเจดีย์นครปะถมและสงครามแย่งช้าง
กับชนชาติทมิฬโจละ เป็นสงครามซึ่งเกิดต่อเนื่องกัน ทำให้รัฐไทยในขณะนั้นต้องเสียเกือบ
ทั้งหมดให้มอญกลิงค์และต้องถอยมาตั้งหลักที่ไชยา
ในปีพ.ศ.๑๑๙๕-๑๒๐๑ ขุนรามและแม่ทัพคู่ใจคือพญาชิงชัย ได้สู้รบโดยใช้วิชาพิชัย
สงคราม(ตำรา จตุคามรามเทพ) ซึ่งร่ำเรียนมาจากพระอาจารย์หลวงตาผ้าขาวเถระรอด(พระนาค
เสน)วางแผนการรบ จนสามารถยึดเมืองสำคัญต่างๆรวมทั้งอาณาจักรละโว้คืนจากพระเจ้ากาฬ
ดิษฐ์(กลิงค์มอญ)อาณาจักรอิสานปุระ สามารถจับตัวพระเจ้ากาฬดิษฐ์ได้ จึงนำไปขังไว้ในคอก
ลิง จนสวรรคตกับลิง(ที่คนทั่วไปเคารพบูชากราบไหว้ในนามเจ้าพ่อศาลพระกาฬที่ลพบุรี) กอบกู้
ดินคืนมาได้ทั้งหมดในปี ๑๒๐๑ ได้สร้างปรางค์สามยอดและเมืองละโว้ขึ้นมาใหม่เพื่อให้มหาจักร
พรรดิท้าวอู่ทองใช้เป็นศูนย์กลางอำนาจรัฐของสหราชอาณาจักรอู่ทอง แต่ทั้งสองพระองค์
สวรรคตในปีเดียวกัน พ.ศ.๑๒๐๑
เทวรูปจำลอง มหาจักรพรรดิท้าวอู่ทอง
มหาจักรพรรดิท้าวอู่ทองสวรรคตเพราะอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าไม่ได้หลับนอน จากการที่กอง
เรือทัพได้ถูกราชามังกูรา ทมิฬโจฬะ อาณาจักรชบาตะวันตก(สุมาตรา) กรุงโพธิ์กลิงค์บัง(ปาเล็ม
บัง) ใช้กลอุบายหลอกพระยาเสือเขาผู้รักษาป้อมกล สามารถนำกองทัพเรือหลุดรอดจากโซ่ยัก
ที่ใช้ป้องกันเรือเข้าออก ทำให้ผู้บัญชาการป้อมโซ่ต้องถูกประหารชีวิต เรือใหญ่บรรทุกช้างและ
เรือรบหลายลำถูกทำลาย พระองค์ทรงเร่งกู้เรือขึ้นมาซ่อมแซมเองต่อเนื่องหลายวัน เพื่อที่
พระองค์จะยกทัพเรือขึ้นไปปราบมอญกลิงค์ที่ยึดเจดีย์นครปะถมเอง พระองค์ทรงสวรรณตคขณะ
กำลังสวมปลอกงาช้างทองคำให้กับช้างพระนั่งที่ทรงใช้ออกศึก มีพระชนมายุเพียง ๖๗ พระ
ชันษา
เทวรูป พระสิขีปฏิมา จำลองขุนราม(จตุคามรามเทพ)
ขุนรามหลังจากสร้างเมืองละโว้เสร็จ ได้เสร็จลงเรือพระที่นั่งเดินทางไปพระราชวังหลวง
บริเวณภูเขาสายหมอ ปัจจุบันคือสวนโมกข์ (ไชยา) เพื่อทูลให้พระราชบิดาทรงใช้กรุงละโว้เป็น
ราชธานี แต่ขุนรามไปผิดที่เนื่องจากมหาจักรพรรดิท้าวอู่ทองทรงเลือกชัยภูมิใหม่เป็นพื้นที่เกาะ
ดอนขวางบริเวณภูเขาน้ำร้อนเป็นราชธานีแทน ทำให้ขุนรามต้องนำเรือเข้าคลองไชยาทวน
กระแสน้ำเข้าไป ไม่สามารถใบเรือในการเดินเรือได้ ต้องช่วยกันพายเข้าจนขุนรามเป็นลมและ
สวรรคตไปในอ้อมอกของพระนางศรีพนม ที่ ภูเขาศรีพนม แคว้นศรีโพธิ์(ไชยา) นั่นเอง
ทำให้พระเชษฐาของขุนรามทั้งสองพระองค์ คือพ่อหะนิมิตรและพ่อศรีไชยนาทได้ถวาย
พระนามหลังขุนรามสวรรคตว่า จตุคามรามเทพ
หลังจากนั้นอีก ๑,๓๒๘ ปี ในปีพ.ศ.๒๕๒๙ ชื่อ จตุคามรามเทพและพญาชิงชัย ได้
ปรากฏชื่อนี้มาอีกครั้งก่อนสร้างศาลหลักเมืองที่นครศรีธรรมราช
หลังจากที่ดวงวิญญาณของแม่นางยา(พระนางวงศ์จันทร์)ลงทรงที่วัดนางพระยา ต.ปาก
นคร เมืองนครศรีธรรมราชและเลือกท่านพล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ให้เป็นผู้สร้าง
ศาลหลักเมืองเพราะดวงเมืองนคร ถูกสาปไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ.๑๘๓๐(ผมเล่าย่อๆนะครับ)แต่ท่านไม่
ยอม เพราะเป็นหน้าที่ของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ต่อมาพญาชิงชัย(แม่ทัพคู่ใจ ขุนราม)ลงประทับทรงเกลี้ยกล่อมอีกก็ยังไม่สำเร็จ จนตาขุนโหร บรมครูช่างศรีวิชัย(ศรีโพธิ์) ลงทรงใช้กลอุบายจนท่านพล.ต.ท.สรรเพชญ ยอมรับปากเป็นผู้สร้างศาลหลักเมือง
ทำให้ขุนราม(จตุคารามเทพ)มาลงประทับทรง เพื่อบอกถึงการสร้างหลักเมือง(ไม่ใช่ของ
ง่ายดาย)แต่ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นใคร เพียงแต่บอกว่า เป็นหลักเมืองของจักรวรรดิ ศรีวิชัย(ศรี
โพธิ์) แล้วให้ท่านพล.ต.ท.สรรเพชญ ไปชวนท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช มาช่วยสร้าง
ศาลหลักเมืองด้วย โดยให้ท่านพล.ต.ท.สรรเพชญ สะเก็ตภาพในที่นั่ง"มหาราชลีลา"ของร่าง
ทรง แล้วนำไปใหท่านขุนพันธ์ฯดู
ต่อมาเมื่อท่านพล.ต.ท.สรรเพชญ นำรูปไปให้ท่านขุนพันธ์ฯดู ปรากฏว่าขุนรามลงประทับ
ทรงท่านขุนพันธ์ก่อนหน้าแล้ว และพูดว่า จตุคามรามเทพ เป็นครั้งแรกในรอบพันกว่าปีที่ชื่อนี้
ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ก่อนถูกประทับทรง ท่านขุนพันธ์เล่าว่า ท่านเห็นองค์เทพเดินตามหลังท่าน
พล.ต.ท.สรรเพชญมาพร้อมบริวาร จนเต็มบ้านท่านเทพองค์ใหญ่ทรงชุดงดงามมาก เหมือนกับ
เทพคู่หนึ่งที่บานประตูแกะสลัก(ประตูเพชรใหญ่)ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ผมเล่าเรื่องที่มาของการสร้างหลักเมือนครศรีธรรมราชมาเพียงย่อๆหากท่านต้องการทราบ
รายละเอียดมากกว่านี้ ติดตามได้ในหนังสือ ความจริงและความลับที่ไม่มีใครรู้ จตุคามราม
เทพ โดย พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล
สุดท้ายนี้ หวังว่าการเชื่อมโยงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไทยย้อนยุค และเรื่องราวกระแส
ความเคารพนับถือที่มีต่อ องค์จตคารามเทพ จนถึงปัจจุบันนั้น เป็นการยืนยันของการมีตัวตน
ของพระองค์ท่านอยู่จริง ตามยุค ตามสมัย ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งคงทำให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงที่
ความเกี่ยวพัน ของ องค์พ่อจตุคามรามเทพ ในฐานะนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ที่กู้แผ่นดินไทยคืนจาก
ชนชาติกลิงค์มอญ ก่อนจะเข้าสู่ยุค อาณาจักรศรีโพธิ์(เสียม)พ.ศ.๑๒๐๒
หากผิดพลาดประการใด ต้องกราบขออภัยด้วยครับ
ขอแสดงความนับถือ
ชัยวลัญช์ ธนาเกียรติชาคร
www.usakanaenew.com/index.php